
“ลาร่าร์ ครอฟต์ ในชุดสูท” รับตำแหน่งทูตสหรัฐประจำฟิลิปปินส์
เป็นที่ฮือฮาในแวดวงการทูตและความมั่นคงของฟิลิปปินส์ เมื่อรัฐบาลสหรัฐประกาศแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำฟิลิปปินส์คนใหม่ เป็นสาวแกร่งผู้เป็นดาวเด่นแห่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ที่ไม่เพียงแต่เพียบพร้อมไปด้วยคุณวุฒิทางการศึกษาแต่ยังมีบุคลิกภาพอันโดดเด่นเป็นที่จับตาของสื่อมวลชนสหรัฐที่ต่างให้ฉายาเธอคือ “ลาร่า ครอฟต์ ในชุดสูท” นางฟ้าสายลุยที่ชาวฟิลิปินท์ต่างก็หวังว่าด้วยความโดดเด่นของทูตสหรัฐคนใหม่ อาจช่วยให้ประธานาธิบดี ดูเตอเต้ของพวกเขาปรับระดับความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐมากขึ้นหลังจากที่เขาแสดงบทบาทเป็นม้าพยศต่อนโยบายของสหรัฐในทะเลจีนใต้ และเอื้อประโยชน์ให้กับจีนจนก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ชาวฟิลิปปินส์เอง
มินา ชาง ผู้ช่วยเลขาธิการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ จะมารับตำแหน่งแทนนาย ซุง คิม ที่ครบวาระในตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มในฟิลิปปินส์ เธอมีประสบการณ์ในการทำงานงานภาคสนามในพื้นที่ความขัดแย้งด้วยตัวเอง อย่าง อัฟกานิสถาน,อิรัค ,โซมาเลีย,ไนจีเรีย และฟิลิปปินส์ จนได้รับการยอมรับในฝ่ายบริหารโดยได้มีส่วนในการผลักดันนโยบายการรักษาสมดุลทางยุทธศาสตร์เชิงรุก ทั้งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการส่งเสริมผลประโยชน์ด้านการลงทุนของสหรัฐในต่างประเทศ
ตำแหน่งก่อนหน้านี้ของชาง คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO)ของสำนักงานปฏิบัติงานด้านความขัดแย้งและการรักษาสมดุล อันเป็นงานกิจการต่างประเทศ ที่มีความรับผิดชอบในวงกว้างทั้งในฐานะหน่วยรวบรวมฐานข้อมูลด้านกิจการพลเรือนและการทหาร เพื่อการวิเคราะห์ สำหรับใช้ในการวางยุทธศาสตร์นโยบายต่างๆของสหรัฐในกิจการต่างประเทศ
มินา เป็นศิษย์เก่าของฮาวาร์ด ,สถาบันวิทยาลัยการทหารกองทัพบกสหรัฐ และสถาบันการศึกษาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศอีกหลายแห่ง มีบทความเผยแพร่ในสื่อต่างๆหลายชิ้นอาทิCNN, ฟอร์บ ,ฟอร์จูนและอีกหลายสำนัก ในหัวข้อด้านการเมือง ,สิทธิมนษย์ชน , เทคโนโลยีด้านการงานความมั่นคง มีประสบการทำงานในหลายโครงการขององค์การสหประชาชาติ มีโครงการที่สำคัญที่รับผิดชอบคือการพัฒนาระบบยานโดรนเพื่อภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษย์ธรรม
ชาวฟิลิปปินส์ต่างมองว่าการมาถึงมะนิลาของมินา ชาง เป็นการแสดงท่าทีปรับเข้าหาผู้นำของเขาอย่างชัดเจน และคาดหวังว่าเอกอัคราชทูตคนใหม่ของสหรัฐที่มีบทบาท “สวยสายลุย”จะทำหน้าที่เป็นกาวใจ โน้มน้าวให้ผู้นำของเขา เปิดใจสร้างเสริมความสัมพันธ์ทางการทหารกับสหรัฐให้มากขึ้น