สหรัฐเปิดปฏิบัติการช่วยตัวประกันชาวอเมริกันที่ถูกลักพาตัวในไนจีเรีย โดยส่งซีลทีม 6 ไปกับฝูงบินที่บินจากประเทศสเปน โดยสามารถช่วยตัวประกันได้สำเร็จ และสังหารผู้ก่อการร้ายจนเหลือรอดแค่ 1 คน

ปฏิบัติการนี้ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลไนจีเรีย โดยเริ่มปฏิบัติการในช่วงเช้าของวันที่ 31 ตุลาคม และกระทรวงกลาโหมของสหรัฐแถลงว่าปฏิบัติการประสบความสำเร็จ ตัวประกันปลอดภัยและอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ (Department of State) ไม่มีทหารสหรัฐคนใดได้รับบาดเจ็บ และขอขอบคุณการสนับสนุนของพันธมิตรนานาชาติในการปฏิบัติภารกิจนี้
ตัวประกัน 1 คน เป็นชายชาวอเมริกัน อายุ 27 ปี ถูกลักพาตัวจากบ้านในไนเจอร์ แถบแอฟริกาตะวันตก ใกล้ชายแดนไนจีเรีย ตั้งแต่ 26 ต.ค. และก่อนหน้านี้มีความกังวลกันว่า เค้าอาจจะถูกขายต่อให้กลุ่มก่อการร้ายที่ปฏิบัติการอยู่แถบนั้นได้ โดยเฉพาะ ISIS
กำลังพลและยุทโธปกรณ์ บินตรงจากแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกาด้วยเครื่องบินลำเลียงแบบ C-17 หลายเที่ยว การบินเข้าไปยังไนจีเรียใช้อากาศยานรวมกัน 21 ลำในปฏิบัติการ ได้แก่
- CV-22 4 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินขึ้นลงทางดิ่งสำหรับการรับหน่วยปฏิบัติการพิเศษและตัวประกันกลับ (Exfiltrate)
- MC-130J 4 ลำ เป็นเครื่องบินปฏิบัติการพิเศษ สนับสนุนการแทรกซีมทางอากาศของซีลทีม 6 (Infiltrate)
- AC-130J 1 ลำ ในภารกิจให้การยิงสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดจากบนอากาศด้วยปืนใหญ่และปืนกลที่ติดตั้งบนลำตัว
- KC-135R 11 ลำ ให้การสนับสนุนการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศให้กับหมู่บินที่ต้องเดินทางไกลไปกลับหลายพันกิโลเมตร
- P-8A 1 ลำ จากกองทัพเรือสหรัฐให้การสนับสนุนการข่าวเหนือพื้นที่ปฏิบัติการด้วยการใช้เรดาร์ตรวจการณ์ภาคพื้นดิน และอาจใช้เป็นเครื่องบินควบคุมและสั่งการปฏิบัติการทั้งหมด


โดย CIA ทำการค้นหาจนสามารถระบุตำแหน่งที่ตัวประกันอเมริกันถูกจับได้และเริ่มวางแผนปฏิบัติการปฏิบัติการเริ่มขึ้นจากสถานีการบินทหารเรือ Rota ในสเปน คาดว่าหมู่บินเฉพาะกิจทำการบินกว่า 8 พันกิโลเมตรจาก Rota ไปทางทะเล อ้อมทวีปแอฟริกาไปเหนือมหาสมุทรแอดแลนติก ผ่านนอกชายฝั่งโมร็อคโค ซาฮาราตะวันตก มอริทาเนีย เซเนกัล แกมเบีย กินีบิลเซา กินี เซียรา เลโอน ไลบีเรีย โค็ต ดิเวอร์ กานา โตโก เบนิน และบินเข้าแผ่นดินไนจีเรียตรง ไปยังชายแดนไนจีเรีย-ไนเจอร์

ซึ่งระยะทางกว่า 8 พันกิโลเมตรทำให้ต้องมีการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศที่ซับซ้อนหลายครั้งให้กับอากาศยานคือ CV-22 น่าจะได้รับการเติมเชื้อเพลิง 4 ครั้ง รวมไปกลับ 8 ครั้ง MC-130J และ AC-130J จะได้รับการเติมเชื้อเพลิง 3 ครั้ง รวมไปกลับ 6 ครั้ง P-8A 2 ครั้ง รวมไปกลับ 2 ครั้ง โดยการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศได้รับการสนับสนุนการเติมเชื้อเพลิงเป็นจุด ๆ จาก KC-135R ทั้ง 11 ลำ
คาดว่าสหรัฐให้ซีลทีม 6 ใช้การแทรกซึมทางอากาศขั้นสูงด้วยการ กระโดดร่มลงจาก MC-130J ลงไปยังพื้นที่เป้าหมาย ทำการปิดล้อม และเปิดการโจมตีด้วยการสังหารกลุ่มติดอาวุธและช่วยเหลือตัวประกันออกมาขึ้น CV-22 ที่ลงจอดไปรับกำลังพลส่วนใหญ่กลับ ทั้งหมดได้รับการสนับสนุนการข่าวและการตรวจการณ์จาก P-8A และ MC-130 รวมถึงได้รับการโจมตีสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดจาก AC-130J ถ้าร้องขอ
การบินกลับคาดว่าจะเป็นการบินผ่านเส้นทางเดิมซึ่งเป็นเส้นทางบินเหนือพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของชาติต่าง ๆ ที่สามารถเดินทางผ่านได้ รวมระยะทางไป-กลับคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 1.6 หมื่นกิโลเมตร ใช้การบินเดินทางรวมทั้งหมดกว่าสิบชั่วโมง
ถือเป็นความสำเร็จอีกครั้งของหมู่บินและหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐอเมริกา โดยนับจากวันที่เกิดเหตุคือ 26 ตุลาคม จนถึงวันปฏิบัติการช่วยตัวประกันที่ 31 ตุลาคม นั้นหมายถึงกองทัพสหรัฐมีเวลาวางแผนภารกิจและเตรียมการเพียง 5 วันเท่านั้น แต่สามารถปฏิบัติภารกิจที่ซับซ้อนและเสี่ยงอันตรายได้ โดยไม่มีการสูญเสียกำลังพล และตัวประกันปลอดภัย