พันธมิตร AUKUS เพื่อเรือดำน้ำนิวเคลียร์ออสเตรเลีย เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด และความโกรธของจีน

อย่างที่ทราบกันดีคือ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และ สหราชอาณาจักร เพิ่งประกาศรวมกลุ่มเป็น AUKUS เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ออสเตรเลียสร้าง #เรือดำน้ำนิวเคลียร์ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในไม่กี่ชาติในโลกใบนี้ที่มีเรือดำน้ำนิวเคลียร์ประจำการ ซึ่งนอกจากจะสร้างความไม่พอใจให้จีนที่มองว่าออสเตรเลียสร้างเรือดำน้ำมาเพื่อตอบโต้จีนแล้ว คนที่ควันออกหูมากกว่าก็คือฝรั่งเศสที่เสียสัญญามูลค่าเป็นมหาศาลไป

ออสเตรเลียเริ่มวางแผนจัดหาเรือดำน้ำทดแทนเรือดำน้ำชั้น Collin ในปี 2007 และประกาศเลือกบริษัท Naval Group ของฝรั่งเศสที่เสนอแบบเรือดำน้ำ Shortfin Barracuda ซึ่งกลายมาเป็นเรือดำน้ำชั้น Attack ซึ่งเอาชนะแบบเรือดำน้ำของญี่ปุ่นและเยอรมนีไปได้ โดยมีเงื่อนไขในการสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศที่ต้องให้บริษัทของออสเตรเลียมีส่วนร่วมเพื่อสร้างงานจำนวนหลายพันตำแหน่งตลอดระยะเวลาของโครงการ และจะเป็นโครงการจัดหาอาวุธที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของออสเตรเลีย

แต่ทั้งนี้ โครงการประสบปัญหาความล่าช้าและงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก คือจากมูลค่าโครงการที่ 40 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือ 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 69 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือ 2.2 ล้านล้านบาท ปัญหาทางเทคนิคที่เรือชั้น Barracuda ที่จริง ๆ แล้วเป็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์ แต่ฝรั่งเศสนำมาปรับปรุงแบบเพื่อติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล-ไฟฟ้า ซึ่งมีกำลังน้อยกว่าและมีพื้นฐานการออกแบบที่แตกต่างกัน ทำให้ยังพบปัญหาด้านประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม รวมถึงออสเตรเลียเริ่มต้องการเปลี่ยนความต้องการจากการจัดหาเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าเป็นการจัดหาเรือดำน้ำนิวเคลียร์ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าโครงการที่เพิ่มสูงขนาดนี้ และออสเตรเลียต้องการเพิ่มบทบาทของตนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกอีกด้วย


ซึ่งนั่นทำให้จู่ ๆ รัฐบาลออสเตรเลียก็ประกาศยกเลิกโครงการเรือดำน้ำชั้น Attack กับฝรั่งเศส และประกาศจับมือกับสหรัฐและสหราชอาณาจักรในนามกลุ่ม AUKUS ที่ทั้งสองประเทศจะถ่ายทอดเทคโนโลยีและช่วยเหลือให้ออสเตรเลียสามารถสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ได้ รวมถึงสร้างความร่วมมือด้าน Cyber Security และเทคโนโลยีสงครามใต้น้ำอื่น ๆ ผู้นำทั้งสามประเทศแถลงข่าวร่วมกันโดยย้ำว่าการร่วมมือกันดังกล่าวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของความมั่นคงในภูมิภาคและการร่วมมือกันจะช่วยสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคขึ้น

แต่ #ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้เสียผลประโยชน์มากที่สุดในโครงการนี้ออกมาแสดงความผิดหวังอย่างรุนแรง โดยบอกว่ารู้สึกเหมือนถูกแทงข้างหลังโดยพันธมิตรอย่างสหรัฐและสหราชอาณาจักร พร้อมเรียกทูตประจำออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกากลับ รวมถึงยกเลิกงานเลี้ยงฉลองสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐและฝรั่งเศสด้วย แถมแซะว่าไบเดนก็ไม่ต่างอะไรจากทรัมป์ที่ทำอะไรไม่เห็นหัวพันธมิตร ซึ่งการสูญเสียในครั้งนี้ถือเป็นการเสียโอกาสของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง และฝรั่งเศสก็รู้สึกว่า ถ้าออสเตรเลียจะเปลี่ยนใจไปจัดหาเรือดำน้ำนิวเคลียร์จริง ๆ ฝรั่งเศสก็สามารถเสนอเรือชั้น Barracuda ให้กับออสเตรเลียแบบแทบไม่ต้องแก้ไขอะไรได้เลย

ทางด้าน #จีน ก็ออกมาประณามโครงการนี้โดยกล่าวว่าทั้งสามประเทศยังติดอยู่ในทัศนคติแบบสงครามเย็น และเป็นการร่วมมือที่ไร้ความรับผิดชอบ รวมถึงสื่อของทางการจีนยังกล่าวว่าถ้าเกิดสงครามขึ้น ทหารออสเตรเลียก็จะเป็นคนแรกที่จะต้องตายในสงครามกับจีนในทะเลจีนใต้ รวมถึงจะทำให้ออสเตรเลียเป็นเป้าหมายของอาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าที่ผ่านมาออสเตรเลียเพิ่มกิจกรรมและการมีปฏิสัมพันธ์กับชาติต่าง ๆ ทั้งในอาเซียนและเอเชียตะวันออก รวมถึงชาติตะวันตกเป็นอย่างมาก รวมถึงเข้าร่วมกับสหรัฐและพันธมิตรในการวางกำลังในทะเลจีนใต้ด้วยการส่งเรือรบของตนเข้าร่วมลาดตระเวน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดทางการทูตระหว่างออสเตรเลียและจีนที่เกิดจากการที่ออสเตรเลียเรียกร้องให้จีนเปิดเผยอย่างโปรงใส่และให้ความร่วมมือในการสืบหาต้นตอไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 และการตอบโต้ของจีนต่อสินค้าของออสเตรเลียทั้งแร่เหล็กหรือไวน์


แม้ว่าการจัดหาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของออสเตรเลียนี้จะไม่ได้หมายความว่าออสเตรเลียจะมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ใช้งาน แต่เทคโนโลยีเรือดำน้ำนิวเคลียร์นั้นมักจะเป็นความลับสูงสุดของแต่ละชาติ การที่สหรัฐและสหราชอาณาจักรยินดีร่วมแบ่งปันเทคโนโลยีการต่อเรือดำน้ำนิวเคลียร์ในครั้งนี้สะท้อนการให้ความสำคัญสูงสุดต่อภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งสหรัฐ ยุโรป และออสเตรเลียประกาศในหลายครั้งว่าภูมิภาคแห่งนี้จะเป็นเป้าหมายสำคัญทางการทูตเพื่อรับประกันว่าภูมิภาคนี้จะมีเสถียรภาพและเสรีภาพที่ทุกประเทศสามารถใช้ประโยชน์จากเส้นทางการเดินเรือร่วมกันได้ ซึ่งถือเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อจีนที่อ้างสิทธิ์ในการควบคุมทะเลจีนใต้ทั้งหมด

การมีเรือดำน้ำนิวเคลียร์จะทำให้ออสเตรเลียสามารถเพิ่มระยะเวลาและพิสัยการปฏิบัติการได้แทบไม่จำกัด ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของออสเตรเลียแบบก้าวกระโดด แม้จะต้องแลกมาด้วยการลงทุนหลักล้านล้านบาทก็ตาม และความต้องการจำนวนถึง 12 ลำนั้น นอกจากจะทำให้ออสเตรเลียกลายเป็นชาติที่มีกองเรือดำน้ำนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ทัดเทียมกับมหาอำนาจชาติอื่น ๆ แล้ว ยังทำให้ออสเตรเลียสามารถเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่ออสเตรเลียถือว่ามีความสำคัญสูงสุดต่อความอยู่รอดของตน ในฐานะที่ตนก็อยู่ในภูมิภาคนี้เช่นกัน

อีกประเทศที่จะได้ประโยชน์ก็คือสหราชอาณาจักร ที่เพิ่งประกาศโครงการจัดหาเรือดำน้ำทดแทนเรือดำน้ำนิวเคลียร์ชั้น Astute ไปพร้อมกัน โดยมี BAE Systems และ Rolls Royce เป็นผู้ร่วมงานหลัก เพื่อเข้าประจำการในช่วงปี 2040 การแบ่งปันเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการช่วยพันธมิตรอย่างออสเตรเลียแล้ว ยังอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายในการออกแบบและวิจัยเรือดำน้ำนิวเคลียร์ชั้นใหม่ของตน หรือแม้แต่การแบ่งปันเทคโนโลยีกับสหรัฐอเมริกาที่เป็นเจ้าแห่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การพัฒนาและลดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้

สหรัฐอเมริกาเองก็ยังสามารถสร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตน ซึ่งมีหลายอู่ที่มีขีดความสามารถในการต่อเรือดำน้ำนิวเคลียร์ไม่ว่าจะเป็น General Dynamics Electric Boat หรือ Huntington Ingalls Industries และ Newport News Shipbuilding ซึ่งกำลังเข้าสู่การต่อเรือดำน้ำชั้น Virginia ใน Block V ซึ่งการแบ่งปันเทคโนโลยีในครั้งนี้ก็น่าจะช่วยสร้างงานให้กับอุตสาหกรรมของสหรัฐได้อีกจำนวนหนึ่ง

ในอีกด้าน ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ออสเตรเลียมีเรือดำน้ำนิวเคลียร์ใช้งานจะเปลี่ยนสมการความมั่นคงในภูมิภาคนี้ จีนที่มีแผนในการพัฒนาและต่อเรือดำน้ำนิวเคลียร์เข้าประจำการอย่างต่อเนื่อง อาจต้องลงทุนเพิ่มและเร่งการวิจัยและการลงทุนทางทหารมากขึ้น เพื่อก้าวให้ทันความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคนี้ที่จีนมองว่าทุกประเทศกำลังพยายามปิดล้อมจีน โดยเฉพาะพยายามแท้ทายการอ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ของจีนอีกด้วย

ถึงแม้ความร่วมมือนี้จะไม่นำไปสู่สงครามหรือการเผชิญหน้ากันทางทหารแน่นอน แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า โลกกำลังเข้าสู่ภาวะสองขั้วอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่ประเทศไทยอาศัยอยู่ก็จะเป็นสนามแข่งขันของการสร้างอิทธิพลของประเทศมหาอำนาจไปอีกนาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คนไทยจึงควรให้ความสำคัญและติดตามความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอย่างมีสติครับ

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.