ร่วมติดตามภารกิจพิทักษ์ประจิมของกองกำลังสุรสีห์ ก่อนการเตรียมเปิดประเทศ

ระยะเส้นเขตแดนที่อยู่ในดูแลของกำลังสุรสีห์มีระยะทางราว 846 กิโลเมตร หรือใกล้เคียงกับเส้นทางจากกรุงเทพไปยังเชียงใหม่ พาดผ่านพื้นที่ 3 จังหวัดคือ กาญจนบุรี ,ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์ โดยภารกิจหลักของกองกำลังสุรสีห์ภายใต้กองพลทหารราบที่ 9 คือการพิทักษ์พื้นที่ชายแดนด้านตะวันตก แต่จากวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 กองกำลังสุรสีห์มีภารกิจเพิ่มเติมในการเฝ้าระวังการลักลอบผ่านแดนอย่างผิดกฎหมาย อันเป็นการร่วมประสานงานกับหน่วยงานทั้งของภาครัฐและพลเรือนตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อเตรียมรับสถานการณ์การเตรียมเปิดประเทศของรัฐบาล กองกำลังสุรสีห์จึงได้ทำการปรับแผนเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติภารกิจ ลดการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายเพื่อให้ผู้ผ่านแดนเข้าสู่ระบบการคัดกรองโรคอย่างถูกต้องให้มากที่สุด

14 ตุลาคมที่ผ่านมากองทัพบกจึงได้เชิญสื่อมวลชนร่วมเดินไปยังกองพลทหารราบที่ 9 จังหวัดกาญจนบุรี ที่ตั้งของกองกำลังสุรสีห์ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปจาก พลตรี บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ก่อนจะเดินทางเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติงานจริงของกำลังพลหน่วยต่างๆภายใต้กองกำลังสุรสีห์ ที่มีการวางแนวทางยุทธวิธีสำหรับภารกิจนี้ใน 2 รูปแบบผสานกันในลักษณะ Static/Dynamic

การจัดวางกำลังแบบ Static คือการตั้งจุดตรวจถาวรเสริมจากที่ตั้งฐานหลักที่ตั้งอยู่ตลอดขอบแนวชายแดนที่มีมากกว่า 300 จุด เพื่อสกัดการขนส่งแรงงานผ่านแดนผิดกฎหมายบนเส้นทางหลักเพื่อป้องการรับส่งบนถนนเส้นทางต่างๆตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนการจัดกำลังแบบ Dynamic คือการจัดชุดลาดตระเวนเชิงรุก อันเป็นการสนธิกำลังของหน่วยทหารราบและทหารพราน เข้าพื้นที่เฝ้าระวังระหว่างจุดตรวจ Static ในพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นจุดเล็ดรอดของการนำพาแรงงานต่างชาติด้วยการเดินเท้าเพื่ออ้อมหลีกเลี่ยงจุดตรวจหลัก ทั้งหมดเป็นการดำเนินการด้วยการรับการสนับสนุนด้านงานข่าวทั้งจากระบบอุปกรณ์เฝ้าตรวจชายแดนของหน่วยงานความมั่นคง ทั้งระบบโดรน (UAV) และเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวควบคู่ไปกับงานข่าวที่เป็นการผสานงานข่าวกรองจากทั้งหน่วยงานความมั่นคงและความร่วมมือของภาคพลเรือน

TAF ได้เข้าสู่พื้นที่ตรวจการณ์ทางยุทธวิธีจุดแรกในพื้นที่จุดตรวจเขาหนีบ เป็นการสำรวจพื้นที่ข้างเส้นทางสาย 3229 เชื่อมระหว่างด่านชายแดนไทยพม่าผ่านบ้านน้ำพุร้อนไปตัวจังหวัดกาญจนบุรี ที่เป็นหนึ่งในจุดที่เพิ่งสกัดแรงงานต่างชาติได้ก่อนหน้า โดยลักษณะทางธรรมชาติของจุดนี้มีแหล่งน้ำธรรมชาติที่กลุ่มแรงงานจะต้องมาพักคอย ชุดนำพาซึ่งเป็นผู้ที่มีที่พำนักในฝั่งไทยและรู้เส้นทางในการนำส่ง บางครั้งกลุ่มแรงงานต้องพักคอยอยู่ที่พื้นที่บริเวณนี้หลายวันเพื่อรอจังหวะที่เล็ดรอดออกไปยังจุดรับส่งทางรถยนต์บนถนนที่อยู่ไม่ห่างจากจุดนี้ การจัดชุดตรวจทางยุทธวิธีรูปแบบนี้ทำให้ตรวจสกัดแรงงานต่างชาติได้หลายครั้ง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการให้ข่าวจากประชาชนในพื้นที่ และฝ่ายปกครองท้องถิ่นที่มีผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมทำงานกับหน่วยทหารอย่างใกล้ชิด

จากนั้นจึงเดินทางไปยังจุดสกัดบนถนนหลักบริเวณ 3 แยกเขาหนีบ ที่สามารถเดินทางไปอำเภอสวนผึ้งได้จากเส้นทางนี้ จุดสกัดรูปแบบนี้เป็นจุดสกัดหลักที่มีการจัดกำลังร่วมกันทั้งจากกองทัพบก, เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่, เจ้าหน้าปภ. และอาสาสมัครสาธารณะสุขที่จะทำการตรวจสุขภาพของผู้เดินทางผ่านเส้นทางนี้ตามมาตรการสกัดกั้นโรคของกระทรวงสาธารณะสุข การตั้งด่านสกัดรูปแบบนี้แม้จะไม่ได้เป็นจุดที่ตรวจจับแรงงานหลบหนีเข้าเมืองได้เป็นจำนวนมาก แต่เป็นการสกัดบีบให้การนำพาลักลอบเข้าเมือง ต้องกระจายกลุ่มออกไป เป็นการเดินเท้าและเข้าสู่พื้นที่เฝ้าตรวจที่มีทั้งกำลังที่เฝ้าลาดตระเวนและเครือข่ายอุปกรณ์ตรวจจับที่ได้มีการวางกำลังเอาไว้

ด้วยมาตรการสกัดกั้นนี้ทำให้ตลอดรอบปีที่ผ่านมา กองกำลังสุรสีห์สามารถตรวจสกัดแรงงานต่างประเทศได้มากกว่า 3 พันคน รวมไปถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้นำพา ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการลักลอบผ่านแดนได้เป็นจำนวนมาก

ในรายงานชุดต่อไปทีมงานTAFจะเดินทางเข้าไปในพื้นที่แนวขอบชายแดนประเทศไทยและติดตามการตรวจลาดตระเวณในพื้นที่จริงของกองกำลังสุรสีห์

ThaiArmedForced.com ขอขอบคุณ กองทัพบก ,สำนักงานเลขานุการกองทัพบก และ กองพลทหารราบที่ 9

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.