เมื่อวานนี้ยูเครนได้รับจรวดต่อสู้อากาศยานประทับบ่าแบบ Stinger จากลิธัวเนียเพิ่มอีกสองเที่ยวบิน ทำให้รวมกันแล้วยูเครนได้รับอาวุธจากชาติตะวันตกที่มอบให้เพื่อช่วยเหลือยูเครนคิดเป็นน้ำหนักสัมภาระราว 1,500 ตัน โดยส่วนมากเป็นจรวดต่อสู้อากาศยานประทับบ่าและจรวดต่อสู้รถถังเช่น Javelin หรือ NLAW
ประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ยังคงแนะนำให้ประชาชนของตนเดินทางออกจากยูเครนและเลือ่นการเดินทางออกไป รวมถึงลดจำนวนเจ้าหน้าที่การทูตและครอบครัวจากสถานทูตในยูเครนลงเพื่อเตรียมรับมือในกรณีที่เกิดการโจมตีขึ้น แม้แต่รัสเซียเองก็ออกมาประกาศว่าจะมีการลดจำนวนทูตในยูเครนด้วยเช่นกัน
การประชุมหลายครั้งระหว่างชาติตะวันตกและรัสเซียยังไม่ส่งผลไปในทิศทางบวกมากนักต่อการลดความร้อนแรงของสถานการณ์ลง ในส่วนของประธานาธิบดีเซเลนสกี้ของยูเครนก็ออกมาพูดในทุก ๆ ด้าน ทั้งการพยายามเตรียมพร้อมในการรับมือหากยูเครนถูกโจมตี การตำหนิชาติตะวันตกโดยบอกว่าชาติตะวันตกขยายสถานการณ์ในยูเครนมากเกินไปจนทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวหายไปจากยูเครน และการพยายามเจรจาและขอคำอธิบายกับรัสเซียเกี่ยวกับการเสริมกำลังบริเวณชายแดนยูเครน แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากรัสเซีย โดยยูเครนกล่าวว่าจะใช้กลไกขององค์กรเพื่อความมั่นคงและร่วมมือของยุโรปหรือ OSCE ในการพยายามขอนัดประชุมกับรัสเซียอีกครั้งภายใน 48 ชั่วโมงเพื่อหาทางลดความตึงเครียดและหลีกเลี่ยงสงคราม และในขณะเดียวกันก็ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐสนับสนุนยูเครนให้มากขึ้นทั้งทางทหารและการเงิน รวมถึงเชิญประธานาธิบดีไบเดนให้มาเยือนยูเครนด้วย
ทางด้านรัสเซียแม้ว่าจะบอกว่าการเคลื่อนกำลังของตนอยู่ในในเขตแดนของตน ทำให้ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องอธิบายว่ากองทัพรัสเซียเคลื่อนกำลังทำไม รวมถึงโจมตีชาติตะวันตกว่าพยายามโกหกว่ารัสเซียต้องการโจมตียูเครนซึ่งไม่เป็นความจริง แต่ภาพถ่ายดาวเทียมก็ยังแสดงให้เห็นกำลังทหารจำนวนมากของรัสเซียในชายแดนด้านตะวันออกของยูเครน ชายแดนยูเครนกับเบลารุส และในไครเมีย
รัฐบาลสหรัฐก็ยังปฎิเสธที่จะยืนยันรายงานข่าวของสื่ออังกฤษที่บอกว่า หน่วยข่าวกรองตะวันตกคาดว่ารัสเซียจะบุกยูเครนในวันพุธนี้ โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังยืนยันว่าสหรัฐและพันธมิตรเตรียมการตอบโต้เอาไว้ทุกทางไม่ว่ารัสเซียจะทำอย่างไร โดยเฉพาะถ้ารัสเซียตัดสินใจบุกยูเครน สหรัฐและพันธมิตรจะตอบโต้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาดอย่างแน่นอน และเตือนว่ารัสเซียจะต้องพบกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงถ้าตัดสินใจบุกยูเครน
กระทรวงกลาโหมของยูเครนยังยืนยันว่าไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร กองทัพยูเครนที่เผชิญหน้ากับรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2014 ก็พร้อมที่จะป้องกันประเทศยูเครนอยู่เสมอ
ในอีกด้านหนึ่ง วันนี้กระทรวงกลาโหมของรัสเซียออกแถลงการณ์ว่า หน่วยทหารในมณฑลทหารภาคใต้และตะวันตกได้เสร็จสิ้นภารกิจและเริ่มถอนตัวกลับทางรถและรถไฟเพื่อไปยังหน่วยที่ตั้ง ส่วนหน่วยอื่นที่เสร็จสิ้นการซ้อมรบก็จะกลับไปยังที่ตั้งปกติเช่นกัน
แต่ในแถลงการณ์ก็ระบุว่ากองกำลังส่วนใหญ่ของรัสเซียยังคงปฏิบัติภารกิจการฝึก ซึ่งมีทั้งกำลังทางบก กำลังทางเรือ และกำลังทางอากาศ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการฝึกผสมกับกองทัพเบลารุสภายใต้ชื่อ Union Resolve 2022 เพื่อฝึกต่อต้านการบุกของกองกำลังต่างชาติ
รัสเซียเริ่มวางกำลังทหารใกล้ชายแดนยูเครนตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา และเพิ่มกำลังทางใกล้ชายแดนยูเครนอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 จนมีกำลังทหาร 130,000 คน พร้อมยานเกราะ อากาศยาน ล้อมรอบยูเครน รวมถึงมีกำลังทางเรือในทะเลดำ
รัสเซียปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีเจตนาที่จะบุกยูเครน กำลังทางที่วางไว้ใกล้ชายแดนก็ยังอยู่ในเขตแดนของยูเครน และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายและชี้แจงการวางกำลังทหารของตนกับใคร
ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่า การถอนทหารจะเป็นการถอนทหารแค่บางส่วนหรือการทะยอยถอนทหารทั้งหมดออกไปจากชายแดนยูเครน