หน่วยข่าวกรองของสหรัฐรายงานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ว่าแม้ว่าการบุกยูเครนของรัสเซียจะยังไม่เป็นไปตามแผน แต่ประเมินว่านอกจากปูตินจะไม่เปลี่ยนวิธีการแล้ว จะยิ่งเพิ่มระดับความรุนแรงของสถานการณ์ขึ้น โดยความไม่พอใจของปูตินกำลังส่งให้กองทัพรัสเซียต้องโจมตียูเครนโดยไม่สนใจเรื่องผลกระทบต่อพลเรือน สอดคล้องกับหน่วยข่าวกรองของสหราชอาณาจักรที่กล่าวว่ารัสเซียกำลังเริ่มใช้เทคนิคแบบที่ใช้ในเชชเนียและซีเรียคือการยิงถล่มเมืองเป้าหมายโดยเริ่มไม่แยกระหว่างเป้าหมายทางทหารและพลเรือน
ในวันนี้มีเหตุการณ์การโจมตีโรงพยาบาลเด็กแรกเกิดในตอนใต้ของเมืองมารียูโปล และโรงพยาบาลอีกสองแห่งในเมืองชิโตเมียร์ ทำให้อาคารทั้งหลังพังเสียหาย และมีรายงานว่ามีผู้ติดอยู่ข้างใน ซึ่งประธานาธิบดีเซเลนสกี้ประณามว่าเป็นความโหดร้าย และเรียกร้องให้ชาติตะวันตกออกมาตรการปิดน่านฟ้ายูเครน ส่วนผู้นำชาติตะวันหลายชาติก็ออกมาประณามในโจมตีโรงพยาบาลครั้งนี้เช่นกัน
แต่รัสเซียปฏิเสธว่าเรื่องนี้เป็น Fake News พร้อมบอกว่าโรงพยาบาลไม่มีผู้ป่วยแล้ว มีแต่ทหารยูเครนประจำการอยู่ อีกทั้งวันนี้รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียยังยืนยันว่าไม่มีการวางแผนโจมตีประเทศอื่น และไม่มีการโจมตียูเครน การที่มีกองทัพรัสเซียอยู่ในยูเครนเป็นไปเพื่อป้องกันภูมิภาคโดเน็กส์และลูฮานส์เท่านั้น
ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลสหราชอาณาจักรยังประกาศว่ากำลังส่งจรวดต่อสู้รถถังให้ยูเครนเพิ่มเติม และกำลังพิจารณาส่งจรวดต่อสู้อากาศยาน StarStreak ให้กับยูเครนด้วยเช่นกัน โดยยังถือว่าจรวดดังกล่าวเป็นอาวุธป้องกันตนเองอยู่ แต่ต้องให้ทหารยูเครนที่จะเป็นผู้ใช้งานเข้ารับการฝึกก่อนเพราะหลักการใช้งานแตกต่างจากจรวด MANPAD นำวิถีด้วยความร้อนอื่น ๆ
thaiarmedforce 