เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซาอุดิอาระเบียได้จัดงาน World Defense Show ที่จัดขึ้น ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นงานที่ซาอุดิอาระเบียต้องการใช้เป็นเครื่องมือในการเปิดตลาดอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและผลักดันให้ซาอุดิอาระเบียประเทศที่มีอุตสาหกรรมป้องกันประเทฒเข้มแข็ง เพื่อเป้าหมายที่จะทำให้งบประมาณด้านการป้องกันประเทศ 50% จากงบประมาณ 1.5 ล้านล้านบาทตกอยู่กับบริษัทด้านการป้องกันประเทศของซาอุดิอาระเบียเอง
งานนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่บริษัทชั้นนำต่าง ๆ ของโลกจะแสวงหาโอกาสในตลาดยุทโธปกรณ์ของซาอุดิอาระเบีย และได้เชื่อมความสัมพันธ์รวมถึงทำข้อตกลงกับบริษัทในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของซาอุดิอาระเบียเพื่อรองรับข้อกำหนดของกระทรวงกลาโหมของซาอุดิอาระเบียที่ต้องการสร้างงานให้กับบริษัทเอกชนในประเทศในอนาคต และในอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นโอกาสของบริษัทซาอุดิอาระเบียในการร่วมมือกับบริษัทระดับโลกเพื่อหาโอกาสในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป
ในโอกาสที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลซาอุดิอาระเบียได้ดำเนินการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และซาอุดิอาระเบียได้ยกเลิกข้อห้ามและอนุญาตให้คนไทยเดินทางเข้าประเทศซาอุดิอาระเบียได้แล้ว ในงานนี้จึงมีบริษัทไทยบริษัทหนึ่งเข้าร่วมงาน ซึ่งทุกคนคงจะเดาได้นั่นก็คือบริษัท R V Connex นั่นเอง
เจ้าหน้าที่ของบริษัท R V Connex กล่าวกับ TAF ว่า “ชาวซาอุต้อนรับพวกเราดีมาก จึงเข้าใจว่าก่อนเกิดปัญหาในอดีต ทั้งสองประเทศคงต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมาก่อนแน่ ตอนนี้ความสัมพันธ์กลับมาเป็นปกติแล้ว จึงอยากเชิญชวนคนไทยให้กลับมาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวซาอุกันอีกครั้ง”




R V Connex เป็นหนึ่งในสามบริษัทจากอาเซียนและเป็นหนึ่งในบริษัทเอเชียจำนวนไม่มากนักที่มีศักยภาพสูงพอในการมาจัดนิทรรศการที่นี่ โดยเข้าร่วมในฐานะบริษัทด้านการทหารทั้งภาคพื้นดิน ทางทะเล และอากาศ ความมั่นคง และเทคโนโลยีดาวเทียม ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยงเพื่อแสวงหาโอกาสในต่างประเทศ ในช่วงที่งานในประเทศลดลงทั้งจากภาวะงบประมาณและการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐ
“ในเรื่องของการมาออกงานที่นี่ ทาง R V Connex เห็นว่าเป็นจังหวะที่ดีที่รัฐบาลสามารถฟื้นความสัมพันธ์ระดับประเทศนี้ได้อีก คนซาอุก็รับทราบถึงการรื้อฟื้นความสัมพันธ์นี้ เราก็อยากใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และสานต่อความสัมพันธ์นี้เท่าที่บริษัทจะสามารถทำได้” เจ้าหน้าที่ของ R V Connex กล่าว
ภายในงาน R V Connex ได้เปิดตัวอากาศยานไร้นักบินหรือโดรนแบบใหม่ซึ่งเป็นแบบขึ้นลงทางดิ่งที่ชื่อ Sky Scout VTOL ซึ่งใช้แผนแบบที่ใกล้เคียงกับ Sky Scout Tactical UAS หรือ RTAF U1 ที่มีประจำการในกองทัพอากาศไทย นอกจากนั้นยังแสดงขีดความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ระบบสื่อสาร และระบบควบคุมการบินของโดรน รวมถึงโครงการดาวเทียมและซอฟแวร์ด้านอวกาศของบริษัทอีกด้วย
“ที่นี่มีนโยบายที่เรียกว่า Vision 2030 เป็นวิสัยทัศน์สำหรับการสร้างอุตสาหกรรมป้องกันประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยซาอุดิอาระเบียจัดตั้งหน่วยงานบริหารจัดการเรื้องนี้ขึ้นมาเรียกว่า SAMI หรือ Saudi Arabia Military Industries ซึ่งทำหน้าที่กำหนดนโยบายและคัดกรองภาคอุตสาหกรรม และกำหนดเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศ โดยอาวุธต่าง ๆ ที่ซาอุดิอาระเบียซื้อต้องมีการจัดหาชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ ต้องร่วมมือกับบริษัทของซาอุดิอาระเบีย และถ้าบริษัทใดมีแผนธุรกิจดีและเป็นไปได้ ภาครัฐก็จะสนับสนุนเงินทุนให้ รวมถึงมีการกำหนดเงื่อนไขที่เอื้อให้อุตสาหกรรมในประเทศมีแต้มต่อโดยยอมซื้ออาวุธที่ผลิตในประเทศในราคาแพงกว่าต่างประเทศได้อีก 15%”
“จึงถือว่าเป็นโอกาสใดที่บริษัทต่างชาติอย่างเราจะได้แสวงหาความร่วมมือกับบริษัททั่วโลกและบริษัทของซาอุดิอาระเบียเอง เนื่องจาก R V Connex มีเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเอง และมีแนวคิดสนับสนุนการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน ถ้าในอนาคตสามารถร่วมมือกับบริษัทของซาอุดิอาระเบียได้ ก็จะสร้างโอกาสอีกมากทั้งในซาอุดิอาระเบียและตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนและเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบียได้อีกทางหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ของ R V Connex กล่าวปิดท้าย
โพสนี้ในเพจของเรา