กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงความสำเร็จในการปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครน โดยกล่าวว่ารัสเซียประสบความสำเร็จในการปฏิบัติการในเฟสแรกแล้ว และกำลังเข้าสู่การปฏิบัติการในเฟสสอง ซึ่งคือการ “ปลดปล่อย” ภูมิภาคดอนบราสโดยสมบูรณ์ และเป็นเป้าหมายเดียวของรัสเซียมาโดยตลอด
โดยเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา รัสเซียประสบความสำเร็จในการทำลายขีดความสามารถทางทหารของยูเครนในทั่วประเทศ ทำให้ตอนนี้สามารถเริ่มปฏิบัติการในเฟสต่อไปได้ โดยเฟสสองจะมุ่งเน้นการปฏิบัติการในภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งอาจรวมถึงการยิงทำลายด้วยปืนใหญ่จำนวนมาก และการพยายามยึดพื้นที่ของดอบบราสที่ยังไม่ตกอยู่ในการควบคุมของรัสเซียให้ได้ทั้งหมด
โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียไม่เคยคิดที่จะยึดครองเคียฟ คาคอฟ และเมืองอื่น ๆ การล้อมเมืองโดยไม่ได้ยึดเมืองเป็นไปตามแผนของรัสเซีย นั่นคือการพยายามเบี่ยงความสนใจของยูเครนออกไปจากภูมิภาคดอนบราสเท่านั้น และยืนยันหลายครั้งว่ารัสเซียไม่ได้มุ่งเป้าหมายในการทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน และไม่ได้มีความพยายามในการสังหารพลเรือน
นอกจากนั้นรัสเซียยังแถลงว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตในฝั่งกองทัพรัสเซียคือ 1,351 คน
เนื่องจากการแถลงข่าวในครั้งนี้ไม่มีเซอร์เกย์ ซุยกู รัฐมนตริว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย มาแถลงด้วย จึงยิ่งเพิ่มความสงสัยถึงตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่ายังปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หลังมีข่าวว่าเขาถูกปูตินตำหนิอย่างรุนแรงและมีอากาศหัวใจวายจนต้องเข้ารับการรักษาตัวและพักฟื้นในโรงพยาบาล
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการแถลงในครั้งนี้เป็นการลดเป้าหมายของสงครามในครั้งนี้ของรัสเซียลง หลังจากที่การบุกของรัสเซียไม่คืบหน้ามาพักใหญ่แล้ว และหลายพื้นที่รัสเซียต้องถอยทัพออกไป แต่ TAF ก็คิดว่า ยังไม่แน่ชัดว่ารัสเซียจะลดเป้าหมายการปฏิบัติการลง หรือแม้จะลดเป้าหมายลงก็อาจจะเป็นเพียงเป้าหมายทางทหาร แต่เป้าหมายทางการเมืองอาจคงอยู่เช่นเดิม ยกเว้นว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงในการเจรจาระหว่างสองประเทศที่ตุรกีและอิสราเอลเป็นตัวกลาง
ในการเจรจา รัสเซียวางเงื่อนไขว่ากองทัพยูเครนต้องปลดอาวุธทั้งหมด หรือลดกำลังพลลงเหลือไม่กี่หมื่นคน ห้ามเข้าร่วม NATO หรือ EU รับรองว่าไครเมียเป็นของรัสเซีย และให้ภูมิภาคดอนบราสเป็นอิสระ ซึ่งการแถลงของกระทรวงกลาโหมในครั้งนี้อาจมองได้ว่ารัสเซียจะกลับมามุ่งเน้นที่ภูมิภาคดอนบราสเท่านั้น ซึ่งเมื่อยึดดอนบราสได้ TAF คาดว่ารัสเซียจะจัดการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชและแสดงความต้องการรวมประเทศกับรัสเซีย ก่อนที่จะผนวกดินแดนดังกล่าวให้เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในแนวทางเดียวกับไครเมียก็เป็นไป
ทั้งนี้ มีนักวิเคราะห์บางคนมองว่า เฟสสองของรัสเซียอาจต้องการเพียงการยึดครองมาริยูโปที่เป็นฐานที่มั่นของกองกำลัง Azov เพื่อสามารถแถลงว่ารัสเซียสามารถทำลายกำลังของนาซีในยูเครนและปกป้องดอนบราสได้สำเร็จ และเปิดโอกาสให้รัสเซียและปูติน “มีทางลง” และสามารถยุติสงครามและกลับไปประกาศชัยชนะกับประชาชนรัสเซียได้ถ้าต้องการทำ