วันนี้มีข่าวเรื่องพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยทหารกองทัพบกที่กองโรงงานช่างแสง ศูนย์อุตสาหการสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก ซึ่งเป็นโรงงานของกองทัพบกที่กำลังดำเนินโครงการปรับปรุงและขยายขีดความสามารถ การผลิตกระสุนปืนเล็ก ขนาด 5.56 มิลลิเมตร ตามนโยบายการพึ่งพาตนเอง และพัฒนาศักยภาพของกำลังพลและหน่วยงานสายการผลิต โดยโรงงานแห่งนี้ดำเนินการผลิตกระสุนปืนเล็ก ขนาด 5.56 มิลลิเมตร ตั้งแต่การผลิตปลอกกระสุน การผลิตลูกกระสุน จนถึงการบรรจุหีบห่อ
ผู้บัญชาการทหารบกระบุว่าเป็นเรื่องที่ดีที่กองทัพบกสามารถพัฒนาและพึ่งพาตนเอง มีโรงงานผลิตกระสุนได้เองเพื่อใช้ในภารกิจทั้งการฝึกและการศึกษา เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบกที่ให้ความสำคัญเรื่องการพึ่งพาตนเองมากยิ่งขึ้น ประหยัดงบประมาณ ตลอดจนส่งเสริมอุตสาหกรรมทางทหาร ตามยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศ สำหรับสายการผลิตอุตสาหกรรมสรรพวุธนั้น เรื่องความปลอดภัยของโรงงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นสถานที่ผลิตยุทโธปกรณ์ที่มีความสำคัญของกองทัพ จึงต้องมีการรักษาความปลอดภัยและระบบการเก็บรักษาที่มีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมากองทัพบกมีหน่วยงานที่ทำการผลิตกระสุนขนาด 5.56 มม. ได้อยู่แล้ว และเมื่อมีการย้ายที่ตั้งหน่วยไปยังพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จึงทำโครงการปรับปรุงเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตกระสุน โดยได้จัดหาเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตจากบริษัท NORINCO จากประเทศจีนจำนวน 2.8 พันล้านบาทตั้งแต่ปี 2561-2563 เพื่อทำการผลิตกระสุนให้ได้ครบวงจร รวมถึงยังเพิ่มกำลังการผลิตจาก 30 ล้านนัดต่อปีเป็น 50 ล้านนัดต่อปี และมีโครงการในการทำการผลิตชนวนท้ายของกระสุนซึ่งโครงการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และก็มีความคืบหน้าให้เห็นในวันนี้
แต่ที่ผ่านมามีคำถามว่าทำไมกองทัพยังคงจัดซื้อกระสุน 5.56 มม. จากต่างประเทศอยู่ในหลายชนิด ซึ่งไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใด ซึ่งจำนวนผลิตถึง 50 ล้านนัดต่อปีนี้ จริง ๆ แล้วน่าจะถือว่าสามารถตอบสนองความต้องการการใช้งานกระสุน 5.56 มม. ของทั้งประเทศไทยได้ด้วยซ้ำ ซึ่งโดยทฤษฎีแล้ว กระทรวงกลาโหมควรจะกำหนดให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงกลาโหมที่มีความต้องการกระสุนขนาด 5.56 มม. นั้น ให้สั่งผลิตจากโรงงานแห่งนี้เท่านั้น ไม่ต้องไปซื้อจากต่างประเทศ รวมถึงควรเสนอให้รัฐบาลสั่งการให้หน่วยงานของกระทรวงอื่นที่มีความต้องการในการใช้กระสุนขนาด 5.56 มม. สั่งผลิตจากที่นี้ เพื่อจะได้ใช้กำลังการผลิตให้เต็มที่ เพราะที่ผ่านมากองทัพบกใช้กำลังการผลิตไม่เต็มที่มาตลอด
ถ้ามีปัญหาเรื่องคุณภาพ ทางแก้ก็ควรจะเป็นการปรับปรุงคุณภาพให้ได้จนถึงระดับที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรจะใช้วิธีจัดหาจากต่างประเทศมาใช้งานแทน ซึ่งถ้าจัดการให้ดีในภาพรวมแล้ว กำลังการผลิตที่มีก็เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการในแต่ละปีของทุกเหล่าทัพได้ และถือเป็นการใช้ขีดความสามารถและเครื่องมือที่รัฐบาลลงทุนจัดหาให้เต็มประสิทธิภาพ ดีกว่าปล่อยให้ใช้กำลังการผลิตน้อยกว่าประสิทธิภาพแต่ก็ยังไปจัดหากระสุนจากต่างประเทศ ซึ่งก็จะทำให้การลงทุนนั้นถูกมองว่าไม่คุ้มค่าในที่สุด